ลักษณะของศีล
ศีลเป็นที่รวมแห่ง ความสำรวม เป็นที่รวมแห่ง ความไม่ละเมิด เป็นที่รวมแห่ง
เจตนา ที่เกิด ในขณะสำรวม
และไม่ล่วงละเมิดนั้น
การละเมิด ศีลมีที่สุดเกิดขึ้น เพราะมีลาภ เป็นที่สุดก็มี มียศ เป็นที่สุดก็มี มีญาติ
เป็นที่สุดก็มี มีอวัยวะ
เป็นที่สุดก็มี และมีชีวิต เป็นที่สุดก็มี
ศีลไม่มีที่สุด คือ การไม่ละเมิดศีล เพราะ มีลาภ เป็นเหตุ มียศ
เป็นเหตุ มีญาติ เป็นเหตุ มีอวัยวะ
เป็นเหตุ และมีชีวิต เป็นเหตุ
สำรวม ไม่ล่วงละเมิด
กามฉันทะ(ความพอใจในกาม)
ด้วยเนกขัมมะ (การหลีกออกจากกาม)
ชื่อว่า ศีล
สำรวม ไม่ล่วงละเมิด
พยาบาท(ความคิดร้าย) ด้วยอพยาบาท ชื่อว่า ศีล
สำรวม ไม่ล่วงละเมิด
ถีนมิทธะ (ความหดหู่)
ด้วยอาโลกสัญญา (การกำหนดหมายแสงสว่าง) ชื่อว่า ศีล
สำรวม ไม่ล่วงละเมิด
วิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย)
ด้วยธัมมววัตถาน (การกำหนดธรรม) ชื่อว่า ศีล
สำรวม ไม่ล่วงละเมิด
อวิชชาด้วยญาณ ชื่อว่า ศีล
สำรวม
ไม่ล่วงละเมิด นิวรณ์ด้วยปฐมฌาน ชื่อว่า ศีล
สำรวม
ไม่ล่วงละเมิด วิตกวิจารด้วยทุติยฌาน ชื่อว่า ศีล
สำรวม
ไม่ล่วงละเมิด ปีติด้วยตติยฌาน ชื่อว่า ศีล
สำรวม
ไม่ล่วงละเมิด สุข ด้วยจตุตถฌาน ชื่อว่า ศีล
สำรวม
ไม่ล่วงละเมิด รูปสัญญา ปฏิฆสัญญา นานัตตสัญญา(ความหมายรู้ภาวะต่างกัน) ด้วยอากาสานัญจายตนสมาบัติ ชื่อว่า ศีล
สำรวม ไม่ล่วงละเมิด อากาสานัญจายตนสมาบัติด้วยวิญญาณัญจายตนสมาบัติ ชื่อว่า ศีล
สำรวม
ไม่ล่วงละเมิด วิญญาณัญจายตนสมาบัติด้วย
อากิญจัญญายตนสมาบัติ ชื่อว่า ศีล
สำรวม
ไม่ล่วงละเมิด อากิญจัญญายตนสมาบัติด้วยเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติ
ชื่อว่า ศีล
สำรวม
ไม่ล่วงละเมิด นิจจสัญญา (ความหมายรู้ว่าเที่ยง) ด้วยอนิจจานุปัสสนา (พิจารณาเห็นความไม่เที่ยง) ชื่อว่า
ศีล
สำรวม ไม่ล่วงละเมิด
สุขสัญญาด้วยทุกขานุปัสสนา ชื่อว่า ศีล
สำรวม
ไม่ล่วงละเมิด อัตตสัญญา (ความหมายรู้อัตตา) ด้วยอนัตตานุปัสสนา (พิจารณาเห็นความไม่มีตัวตน) ชื่อว่า ศีล
สำรวม
ไม่ล่วงละเมิด นันทิ (ความยินดี) ด้วยนิพพิทานุปัสสนา (พิจารณาเห็นความเบื่อหน่าย) ชื่อว่า ศีล
สำรวม
ไม่ล่วงละเมิด ราคะสัญญา(ความหมายรู้ความกำหนัด) ด้วยวิราคานุปัสสนา (พิจารณาเห็นความสิ้นกำหนัด) ชื่อว่า ศีล
สำรวม
ไม่ล่วงละเมิด สมุทัยด้วยนิโรธานุปัสสนา ชื่อว่าศีล
สำรวม
ไม่ล่วงละเมิด อาทานะ(ความยึดถือ) ด้วยปฏินิสสัคคานุปัสสนา(พิจารณาเห็นความสละคืน) ชื่อว่า ศีล
สำรวม
ไม่ล่วงละเมิด ฆนสัญญา (ความสำคัญเป็นก้อน) ด้วยขยานุปัสสนา (พิจารณาเห็นธรรมเป็นที่สิ้นไป) ชื่อว่า ศีล
สำรวม
ไม่ล่วงละเมิดอายุหนะสัญญา(กรรมเป็นเครื่องประมวลมา) ด้วยวยานุปัสสนา (พิจารณาเห็นความเสื่อมไป) ชื่อว่า ศีล
สำรวม
ไม่ล่วงละเมิดธุวสัญญา(ความหมายรู้ว่ามั่นคง) ด้วยวิปริณามานุปัสสนา (พิจารณาเห็นความแปรปรวน
เปลี่ยนแปรเรื่อยไป) ชื่อว่า ศีล
สำรวมไม่ล่วงละเมิดปณิธิ(ความตั้งมั่น) ด้วยอัปปณิหิตานุปัสสนา (พิจารณาเห็นทุกข์) ชื่อว่า ศีล
สำรวมไม่ล่วงละเมิดอภินิเวส
(ความยึดมั่น) ด้วยสุญญตานุปัสสนา (พิจารณาเห็นความว่าง) ชื่อว่า ศีล
สำรวมไม่ล่วงละเมิดสาราทานาภินิเวส
(ความยึดมั่นว่าเป็นแก่นสาร) ด้วยอธิปัญญา ธัมมนุปัสสนา(พิจารณาเห็นธรรมด้วยปัญญาอันยิ่ง) ชื่อว่า ศีล
สำรวมไม่ล่วงละเมิดสัมโมหาภินิเวส
(ความยึดมั่นเพราะความหลง) ด้วยยถาภูตญาณ ทัสสนะ (ความรู้ความเห็นตามเป็นจริง)
ชื่อว่า ศีล
สำรวมไม่ล่วงละเมิดอาลยาภินิเวส
(ความยึดมั่นด้วยความอาลัย) ด้วยอาทีนวานุปัสสนา (พิจารณาคำนึงเห็นโทษ) ชื่อว่า ศีล
สำรวมไม่ล่วงละเมิดอัปปฏิสังขาร
(การไม่พิจารณา)
ด้วยปฏิสังขารนุปัสสนา(พิจารณาเห็นทางพ้นไปเสีย) ชื่อว่า ศีล
สำรวมไม่ล่วงละเมิดสัญโญคาภินิเวส
( ยึดมั่นเพราะกิเลสเครื่องประกอบ) ด้วยวิวัฏฏนานุปัสสนา (พิจารณาเห็นแจ้งในกิเลส
กรรม วิบาก) ชื่อว่า ศีล
สำรวมไม่ล่วงละเมิดกิเลสที่ตั้งอยู่ร่วมกันกับทิฏฐิ ได้ด้วยธรรมที่เกิดด้วยอำนาจโสดาปัตติมรรค ชื่อว่า ศีล
สำรวมไม่ล่วงละเมิดกิเลสอย่างหยาบ ได้ด้วยธรรมที่เกิดด้วยอำนาจสกทาคามิมรรค
ชื่อว่า ศีล
สำรวมไม่ล่วงละเมิดกิเลสอย่างละเอียด ได้ด้วยธรรมที่เกิดด้วยอำนาจอนาคามิมรรค ชื่อว่า
ศีล
สำรวมไม่ล่วงละเมิดกิเลสทั้งปวง ได้ด้วยธรรมที่เกิดด้วยอำนาจอรหัตตมรรค ชื่อว่า
ศีล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น