วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2559

โทษของฉันทราคะ



โทษของฉันทราคะ

ท่านพระสารีบุตรได้แสดงธรรมแก่เหล่าพระภิกษุทั้งหลายว่า
บุคคลใดไม่ปราศจากความกำหนัด ไม่ปราศจากความพอใจ ไม่ปราศจากความรัก ไม่ปราศจากความกระหาย ไม่ปราศจากความเร่าร้อน ไม่ปราศจากความทะยานอยากในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
เพราะรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณนั้น ผันแปรเป็นอย่างอื่น โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาสะ จึงเกิดขึ้น
พระศาสดาทรงเห็นโทษนี้แล จึงตรัสสอนให้กำจัดฉันทราคะในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

การแก้ความยุ่งของหมู่สัตว์



การแก้ความยุ่งของหมู่สัตว์

ท้าวสักกเทวราชกราบทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า หมู่สัตว์ยุ่งทั้งภายใน ยุ่งทั้งภายนอก ถูกความยุ่งพาให้นุงนัง ใครพึงแก้ความยุ่งนี้ได้
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า จอมเทพ ! นรชนผู้มีปัญญา เห็นภัยในสังสารวัฏ ดำรงอยู่ในศีลแล้ว เจริญจิตและปัญญา มีความเพียร มีปัญญาเครื่องบริหารนั้น พึงแก้ความยุ่งนี้ได้

ความสุขชั้นสูง



ความสุขชั้นสูง

กามคุณ ๕ เป็นความสุขชั้นตํ่า การเว้นจากกาม และอกุศลธรรมทั้งหลาย เป็นความสุขชั้นสูง เป็นทิพย์ 
พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้การเกิด ดับ คุณ โทษ และอุบายเครื่องสลัดจากกามทั้งหลาย
ความสุขชั้นสูง คือ ผลสมาบัติ ละตัณหาในกามได้ บรรเทาความเร่าร้อนจากกามได้ ปราศจากความกระหาย และมีจิตสงบ

ผู้บริโภคกามเหมือนคนเป็นโรคเรื้อน


ผู้บริโภคกามเหมือนคนเป็นโรคเรื้อน

ภิกษุทั้งหลาย ! ผู้บริโภคกาม เหมือนคนเป็นโรคเรื้อน มีสัมผัสเป็นสุข ขณะเกาแผลเท่านั้น
กามทั้งหลายมีสัมผัสเป็นทุกข์ มีความร้อนมาก มีความเร่าร้อนมาก คนที่ถูกกามตัณหาเกาะกินอยู่ กลับเข้าใจกาม ซึ่งมีสัมผัสเป็นทุกข์ว่าเป็นสุข ผู้บริโภคกามเหมือนคนตาบอด
ทางให้ถึงอมตธรรม คือ มรรคมีองค์ ๘
มรรคมีองค์ ๘ เป็นเครื่องสลัดออกจากขันธ์ ๕

อุปธิเกิดจากตัณหา



อุปธิเกิดจากตัณหา

ภิกษุทั้งหลาย ! อุปธิ (ขันธ์ ๕ ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ) มีตัณหาเป็นเหตุ มีตัณหาเป็นเหตุเกิด มีตัณหาเป็นกำเนิด มีตัณหาเป็นแดนเกิด ตัณหาไม่มี อุปธิ(ขันธ์ ๕) ก็ไม่มี
สุขโสมนัส เป็นคุณของขันธ์ ๕
ทุกข์โทมนัส เป็นโทษของขันธ์ ๕
มรรคมีองค์ ๘ เป็นเครื่องสลัดออกจากขันธ์ ๕