วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ดวงอาทิตย์ 7 ดวง



ดวงอาทิตย์ 7 ดวง


ภิกษุทั้งหลาย ! สังขารทั้งหลายเป็นสภาวะไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่น่าชื่นชม นี้เป็นข้อกำหนด ควรเบื่อหน่าย ควรคลายกำหนัด ควรหลุดพ้นในสังขารทั้งปวง

ภิกษุทั้งหลาย ! ขุนเขาสิเนรุยาว 84,000 โยชน์ กว้าง 84,000 โยชน์ หยั่งลงในมหาสมุทร 84,000 โยชน์ สูงจากมหาสมุทรขึ้นไป 84,000 โยชน์ มีสมัยที่เวลาผ่านไปยาวนาน บางครั้งบางคราว ฝนไม่ตกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี เมื่อฝนไม่ตก พืชคาม ภูตคาม และติณชาติ ที่ใช้เข้ายา ย่อมเฉา เหี่ยวแห้ง เป็นอยู่ไม่ได้ ฉันใด
สังขารทั้งหลาย ก็ฉันนั้น เป็นสภาวะไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่น่าชื่นชม เป็นข้อกำหนด ควรเบื่อหน่าย ควรคลายกำหนัด ควรหลุดพ้นในสังขารทั้งปวง

มีสมัยที่เวลาผ่านไปยาวนาน บางครั้งบางคราว มีดวงอาทิตย์ดวงที่ 2 ปรากฏ เพราะอาทิตย์ดวงที่ 2 ปรากฏ แม่น้ำน้อยหนองน้ำทุกแห่ง ระเหย เหือดแห้ง ไม่มีน้ำ ฉันใด
สังขารทั้งหลายก็ ฉันนั้น เป็นสภาวะไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่น่าชื่นชมนี้เป็นข้อกำหนด ควรเบื่อหน่าย ควรคลายกำหนัด ควรหลุดพ้นในสังขารทั้งปวง

มีสมัยที่เวลาผ่านไปยาวนาน บางครั้งบางคราว มีดวงอาทิตย์ดวงที่ 3 ปรากฏ เพราะอาทิตย์ดวงที่ 3 ปรากฏ แม่น้ำสายใหญ่ ๆ เช่น แม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหี ทุกแห่งระเหยเหือดแห้ง ไม่มีน้ำ ฉันใด
สังขารทั้งหลายก็ ฉันนั้น เป็นสภาวะไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่น่าชื่นชมนี้ เป็นข้อกำหนด ควรเบื่อหน่าย ควรคลายกำหนัด ควรหลุดพ้นในสังขารทั้งปวง

มีสมัยที่เวลาผ่านไปยาวนาน บางครั้งบางคราว มีดวงอาทิตย์ดวงที่ 4 ปรากฏ เพราะอาทิตย์ดวงที่ 4 ปรากฏ แหล่งน้ำใหญ่ ๆ ที่เป็นแดนไหลมารวมกัน ของแม่น้ำสายใหญ่ ๆ เหล่านี้ คือ สระอโนดาต สระสีหปปาตะ สระรถการะ สระกัณณมุณฑะ สระกุณาลา สระฉัททันต์ สระมันทากินี ทุกแห่งระเหยเหือดแห้ง ไม่มีน้ำ ฉันใด
สังขารทั้งหลายก็ ฉันนั้น เป็นสภาวะไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่น่าชื่นชมนี้เป็นข้อกำหนด ควรเบื่อหน่าย ควรคลายกำหนัด ควรหลุดพ้นในสังขารทั้งปวง

มีสมัยที่เวลาผ่านไปยาวนาน บางครั้งบางคราว มีดวงอาทิตย์ดวงที่ 5 ปราก เพราะอาทิตย์ดวงที่ 5 ปรากฏ น้ำในมหาสมุทรลึก 100 โยชน์ก็ดี 200 โยชน์ก็ดี 300 โยชน์ก็ดี 400 โยชน์ก็ดี 500 โยชน์ก็ดี 600 โยชน์ก็ดี 700 โยชน์ก็ดี งวดลงเหลือเพียง 7 ชั่วต้นตาลก็มี 6 ชั่วต้นตาลก็มี 5 ชั่วต้นตาลก็มี 4 ชั่วต้นตาลก็มี 3 ชั่วต้นตาลก็มี 2 ชั่วต้นตาลก็มี ชั่วต้นตาลเดียวก็มี เหลือเพียง 7 ชั่วคนก็มี 6 ชั่วคนก็มี 5 ชั่วคนก็มี 4 ชั่วคนก็มี 3 ชั่วคนก็มี 2 ชั่วคนก็มี ชั่วคนเดียวก็มี ชั่วครึ่งเพียงเอวก็มี เพียงข้อเท้าก็มี ภิกษุทั้งหลาย น้ำในมหาสมุทรยังเหลืออยู่เพียงในรอยเท้าโคที่นั้น ๆ เปรียบเหมือนในฤดูแล้ง เมื่อฝนเม็ดใหญ่ ตกลงมา น้ำเหลืออยู่เพียงในรอยเท้าโค เพราะฉะนั้น เมื่อดวงอาทิตย์ ดวงที่ 5 ปรากฏ น้ำในมหาสมุทรยังเหลืออยู่เพียงข้อนิ้วก็ไม่มี ฉันใด
สังขารทั้งหลายก็ ฉันนั้น เป็นสภาวะไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืนไม่น่าชื่นชม นี้เป็นข้อกำหนด ควรเบื่อหน่าย ควรคลายกำหนัด ควรหลุดพ้นในสังขารทั้งปวง

มีสมัยที่เวลาผ่านไปยาวนาน บางครั้งบางคราว มีดวงอาทิตย์ดวงที่ 6 ปรากฏ เพราะอาทิตย์ดวงที่ 6 ปรากฏ แผ่นดินใหญ่นี้ และขุนเขาสิเนรุ ย่อมมีกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้น ภิกษุทั้งหลาย นายช่างหม้อเผาหม้อที่เขาปั้นดีแล้ว ย่อมมีกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้น ฉันใด เพราะดวงอาทิตย์ดวงที่ 6 ปรากฏ แผ่นดินใหญ่นี้ และขุนเขาสิเนรุ ย่อมมีกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้น ฉันใด
สังขารทั้งหลายก็ ฉันนั้น เป็นสภาวะไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่น่าชื่นชมนี้ เป็นข้อกำหนด ควรเบื่อหน่าย ควรคลายกำหนัด ควรหลุดพ้นในสังขารทั้งปวง

มีสมัยที่เวลาผ่านไปยาวนาน บางครั้งบางคราว มีดวงอาทิตย์ดวงที่ 7 ปรากฏ เพราะอาทิตย์ดวงที่ 7 ปรากฏ แผ่นดินใหญ่นี้ และขุนเขาสิเนรุ เกิดไฟลุกโชน มีแสงเพลิงเป็นอันเดียวกัน เมื่อแผ่นดินใหญ่นี้ และขุนเขาสิเนรุ เกิดไฟเผาผลาญอยู่ เปลวไฟถูกลมพัดไปถึงพรหมโลก เมื่อขุนเขาสิเนรุ ถูกไฟเผาไหม้ กำลังพินาศ ถูกกองเพลิงใหญ่เผาทั่วตลอดแล้ว ยอดเขาแม้ขนาด 100 โยชน์ 200 โยชน์ 300 โยชน์ 400 โยชน์ 500 โยชน์ ย่อมพังทลาย แผ่นดินใหญ่นี้ และขุนเขาสิเนรุ ถูกกองเพลิงเผาผลาญอยู่นี้ ขี้เถ้า และเขม่าย่อมไม่ปรากฏ ฉันใด
สังขารทั้งหลายก็ ฉันนั้น เป็นสภาวะไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่น่าชื่นชมนี้เป็นข้อกำหนด ควรเบื่อหน่าย ควรคลายกำหนัด ควรหลุดพ้นในสังขารทั้งปวง

ภิกษุทั้งหลาย ! ใครเล่า ชื่อว่าเป็นผู้รู้ ใครเล่า ชื่อว่าเป็นผู้เชื่อว่า แผ่นดินใหญ่นี้ และขุนเขาสิเนรุ ถูกไฟเผาไหม้ พินาศ ไม่เหลืออยู่ นอกจากอริยสาวก ผู้มีบทอันเห็นแล้ว (พระโสดาบัน)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น