วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เมตตาจิต สูตรที่ 1



เมตตาจิต สูตรที่ 1

ภิกษุทั้งหลาย ! บุคคล 4 จำพวกนี้ มีปรากฎ อยู่ในโลก

1. บุคคลบางคนในโลกนี้ มีเมตตาจิต แผ่ไปตลอดทิศที่ 1 ทิศที่ 2 ทิศที่ 3 ทิศที่ 4 ทิศเบื้องบน (เทวโลก) ทิศเบื้องล่าง (นรกและนาค) ทิศเฉียง (ทิศย่อยของทิศใหญ่ หรือทิศรอง) แผ่ไปตลอดโลก ทั่วทุกหมู่เหล่า ในที่ทุกสถาน ด้วยเมตตาจิตอันไพบูลย์ เป็นมหัคคตะ (อารมณ์ถึงความเป็นใหญ่ชั้นรูปาวจร, อรูปาวจร) ไม่มีขอบเขต ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่อย่างนี้ เขาชอบใจในเมตตาฌาน ติดใจในเมตตาฌาน และถึงความปลื้มใจกับเมตตาฌานนั้น เขาดำรงตนอยู่ในเมตตาฌาน ชอบใจอยู่กับเมตตาฌานนั้นโดยมาก ไม่เสื่อม เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงการอยู่ร่วมกับเทวดาชั้นหมู่พรหม มีอายุประมาณ 1 กัป
คนที่เป็นปุถุชน ดำรงอยู่ในชั้นหมู่พรหม จนสิ้นอายุที่กำหนดอายุของเทวดาเหล่านั้นแล้ว ไปสู่นรกบ้าง ไปสู่สัตว์เดรัจฉานบ้าง ไปสู่แดนเปรตบ้าง ส่วนสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ดำรงอยู่ในชั้นหมู่พรหม จนสิ้นอายุที่กำหนดอายุของเทวดาเหล่านั้นแล้ว ปรินิพพานในภพนั้นแล นี้แลเป็นความแปลกกัน เป็นความแตกต่างกัน เป็นเหตุให้ต่างกัน ระหว่างอริยสาวกผู้สดับ กับปุถุชนผู้มิได้สดับ เมื่อคติ(การตาย) และอุบัติ(การเกิด) ยังมีอยู่

2. บุคคลบางคนในโลกนี้ มีกรุณาจิต แผ่ไปตลอดทิศที่ 1 ฯลฯ ด้วยกรุณาจิตอันไพบูลย์ เป็นมหัคคตะ ไม่มีขอบเขต ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่อย่างนี้ เขาชอบใจในอุบกขาฌาน ติดใจในอุเบกขาฌาน และถึงความปลื้มใจกับอุเบกขาฌานนั้น เขาดำรงตนอยู่ในอุเบกขาฌาน ชอบใจอยู่กับอุเบกขาฌานนั้นโดยมาก ไม่เสื่อม เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงการอยู่ร่วมกับเทวดาชั้นอาภัสสระ มีอายุประมาณ 2 กัป
คนที่เป็นปุถุชน ดำรงอยู่ในชั้นเวหัปผละ จนสิ้นอายุที่กำหนดอายุของเทวดา เหล่านั้นแล้ว ไปสู่นรกบ้าง ไปสู่สัตว์เดรัจฉานบ้าง ไปสู่แดนเปรตบ้าง ส่วนสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ดำรงอยู่ในชั้นหมู่พรหม จนสิ้นอายุที่กำหนดอายุของเทวดาเหล่านั้นแล้ว ปรินิพพานในภพนั้นแล นี้แลเป็นความแปลกกัน เป็นความแตกต่างกัน เป็นเหตุให้ต่างกัน ระหว่างอริยสาวกผู้สดับ กับปุถุชนผู้มิได้สดับ เมื่อคติ และอุบัติยังมีอยู่

3. บุคคลบางคนในโลกนี้ มีมุทิตาจิต แผ่ไปตลอดทิศที่ 1 ฯลฯ ด้วยมุทิตาจิตอันไพบูลย์เป็นมหัคคตะ ไม่มีขอบเขต ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่อย่างนี้ เขาชอบใจในอุบกขาฌาน ติดใจในอุเบกขาฌาน และถึงความปลื้มใจกับอุเบกขาฌานนั้น เขาดำรงตนอยู่ในอุเบกขาฌาน ชอบใจอยู่กับอุเบกขาฌานนั้นโดยมาก ไม่เสื่อม เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงการอยู่ร่วมกับเทวดาชั้นสุภกิณหะ มีอายุประมาณ 4 กัป
คนที่เป็นปุถุชน ดำรงอยู่ในชั้นเวหัปผละ จนสิ้นอายุที่กำหนดอายุของเทวดา เหล่านั้นแล้ว ไปสู่นรกบ้าง ไปสู่สัตว์เดรัจฉานบ้าง ไปสู่แดนเปรตบ้าง ส่วนสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ดำรงอยู่ในชั้นหมู่พรหม จนสิ้นอายุที่กำหนดอายุของเทวดาเหล่านั้นแล้ว ปรินิพพานในภพนั้นแล นี้แลเป็นความแปลกกัน เป็นความแตกต่างกัน เป็นเหตุให้ต่างกัน ระหว่างอริยสาวกผู้สดับ กับปุถุชนผู้มิได้สดับ เมื่อคติ และอุบัติยังมีอยู่

4. บุคคลบางคนในโลกนี้ มีอุเบกขาจิต แผ่ไปตลอดทิศที่ 1 ทิศที่ 2 ทิศที่ 3 ทิศที่ 4 ทิศเบื้องบน ทิศเบื้องล่าง ทิศเฉียง แผ่ไปตลอดโลก ทั่วทุกหมู่เหล่า ในที่ทุกสถาน ด้วยอุเบกขาจิตอันไพบูลย์ เป็นมหัคคตะ ไม่มีขอบเขต ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่อย่างนี้ เขาชอบใจในอุบกขาฌาน ติดใจในอุเบกขาฌาน และถึงความปลื้มใจกับอุเบกขาฌานนั้น เขาดำรงตนอยู่ในอุเบกขาฌาน ชอบใจอยู่กับอุเบกขาฌานนั้นโดยมาก ไม่เสื่อม เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงการอยู่ร่วมกับเทวดาชั้นเวหัปผละ มีอายุประมาณ 500 กัป
คนที่เป็นปุถุชน ดำรงอยู่ในชั้นเวหัปผละ จนสิ้นอายุที่กำหนดอายุของเทวดา เหล่านั้นแล้ว ไปสู่นรกบ้าง ไปสู่สัตว์เดรัจฉานบ้าง ไปสู่แดนเปรตบ้าง ส่วนสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ดำรงอยู่ในชั้นหมู่พรหม จนสิ้นอายุที่กำหนดอายุของเทวดาเหล่านั้นแล้ว ปรินิพพานในภพนั้นแล นี้แลเป็นความแปลกกัน เป็นความแตกต่างกัน เป็นเหตุให้ต่างกัน ระหว่างอริยสาวกผู้สดับ กับปุถุชนผู้มิได้สดับ เมื่อคติ และอุบัติยังมีอยู่




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น