วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2555

โทษของกาม



 โทษของกาม


ภิกษุทั้งหลาย !กามไม่เที่ยง ว่างเปล่า เป็นเท็จ เป็นอนัตตา เป็นดุจโรค เป็นดังหัวฝี มีความเลือนหายไปเป็นธรรมดา มีลักษณะเป็นความหลอกลวง เป็นที่บ่นของคนพาล กามสัญญาในภพนี้ และภพหน้า เป็นบ่วงของมาร เป็นวิสัยแห่งมาร เหยื่อของมาร โคจรของมาร

กามนี้มีบาปอกุศลทางใจ คือ อภิชฌาบ้าง พยาบาทบ้าง สารัมยะ (ความแข่งดีบ้าง) กามเหล่านั้น ย่อมก่ออันตราย แก่อริยสาวกผู้ศึกษาในธรรมวินัยนี้

ดังนั้น เราพึงอยู่ด้วยจิตอันไพบูลย์เป็น มหัคคตะ (เป็นใหญ่เหนือรูปาวจร,อรูปาวจร ข่มกิเลสอยู่ ) อธิษฐานใจครอบงำโลก
เสียผลที่ได้ คือ จิตย่อมผ่องใส น้อมไปในปัญญาปัจจุบัน มีวิญญาณไม่หวั่นไหว


โทษของกาม 7 ประการ


ภิกษุทั้งหลาย ! โทษของกาม 7 ประการ

1. เปรียบดังโครงกระดูก ที่มีเนื้อติดอยู่บ้างโยนให้สุนัขแทะกิน ซึ่งไม่สามารถทำให้อิ่มได้
2. เปรียบดังนกแร้ง นกเยี่ยวคาบชิ้นเนื้อบินไป แล้วถูกจิก แย่งชิ้นเนื้อไป
3.เปรียบดังบุรุษถือคบหญ้าที่ไฟติดลุกโชน เดินทวนลม ไฟย่อมไหม้บุรุษนั้น
4.เปรียบดังหลุมถ่านเพลิง กว้างลึกหนึ่งชั่วคน เผาไหม้บุรุษนั้นอยู่
5. เปรียบดังความฝัน ตื่นขึ้นมา มีแต่ความว่างเปล่า
6.เปรียบดังคนยืมทรัพย์เขามา ต้องเอาคืนเขาไป
7.เปรียบดังต้นไม้คาต้น เมื่อบุรุษปีนขึ้นไปเก็บผลไม้กิน และในขณะเดียวกัน มีบุรุษอีกคนหนึ่งตัดต้นไม้นั้น เพื่อหมายเอาผลไม้เช่นกัน บุรุษผู้ปีนต้นไม้อยู่ ย่อมมีภัยอันตราย



ผู้บริโภคกาม เหมือนคนเป็นโรคเรื้อน

ภิกษุทั้งหลาย ! ผู้บริโภคกาม เหมือนคนเป็นโรคเรื้อน มีสัมผัสเป็นสุข ขณะเกาแผลเท่านั้น กามทั้งหลายมีสัมผัสเป็นทุกข์ มีความร้อนมาก มีความเร่าร้อนมาก คนที่ถูกกามตัณหาเกาะกินอยู่ กลับเข้าใจกาม ซึ่งมีสัมผัส เป็นทุกข์ว่า เป็นสุข ผู้บริโภคกามเหมือนคนตาบอด ทางให้ถึงอมตธรรม คือ มรรค 8



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น