วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ปัจจเวกขณญาณ (พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓๑ )


ปัจจเวกขณญาณ
(พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓๑)

ปัญญาในการเห็นธรรมที่มาร่วมกันในขณะนั้น ชื่อว่า ปัจจเวกขณญาณ ในขณะแห่งโสดาปัตติมรรค ในขณะแห่งสกิทาคามิมรรค ในขณะแห่งอนาคามิมรรค และในขณะแห่งอรหัตตมรรค
ญาณชื่อว่า สัมมาทิฏฐิ เพราะมีสภาวะเห็นมาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า สัมมาสังกัปปะ เพราะมีสภาวะตรึกตรอง มาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่าสัมมาวาจา เพราะมีสภาวะกำหนด มาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า สัมมากัมมันตะ เพราะมีสภาวะเป็นสมุฏฐาน มาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า สัมมาอาชีวะ เพราะมีสภาวะผ่องแผ้ว มาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า สัมมาวายามะ เพราะมีสภาวะประคองไว้ มาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า สัมมาสติ เพราะมีสภาวะตั้งมั่น มาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า สัมมาสมาธิ เพราะมีสภาวะไม่ฟุ้งซ่าน มาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า อินทรีย์ เพราะมีสภาวะเป็นใหญ่ มาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า พละ เพราะมีสภาวะไม่หวั่นไหวมาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า โพชฌงค์ เพราะมีสภาวะนำออก มาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า มรรค เพราะมีสภาวะเป็นเหตุ มาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า สติปัฏฐาน เพราะมีสภาวะตั้งมั่น มาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า สัมมัปปธาน เพราะมีสภาวะดำรงไว้ มาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า อิทธิบาท เพราะมีสภาวะสำเร็จ มาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า สัจจะ เพราะมีสภาวะเป็นของแท้มาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า สมถะ เพราะมีสภาวะไม่ฟุ้งซ่านมาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่าวิปัสสนา เพราะมีสภาวะพิจารณาเห็น มาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า สมถะและวิปัสสนา เพราะมีสภาวะเป็นรสอย่างเดียวกัน มาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า ธรรมที่เป็นคู่กัน เพราะมีสภาวะไม่ล่วงเลยกัน มาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า สีลวิสุทธิ เพราะมีสภาวะสำรวม มาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า จิตตวิสุทธิ เพราะมีสภาวะไม่ฟุ้งซ่าน มาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า ทิฏฐิวิสุทธิ เพราะมีสภาวะเห็น มาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า วิโมกข์ เพราะมีสภาวะหลุดพ้น มาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า วิชชา เพราะมีสภาวะรู้แจ้งมาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า วิมุตติ เพราะมีสภาวะสละ มาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า ญาณในความสิ้นไป เพราะมีสภาวะตัดขาด มาร่วมกันในขณะนั้น
ญาณชื่อว่า อนุปปาทญาณ (ญาณในความไม่เกิดขึ้น)เพราะมีสภาวะสงบระงับมาร่วมกันในขณะนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น