ปัญหากัปปมาณพ
กัปปมาณพ ศิษย์ในจำนวน ๑๖ คน ของพราหมณ์พาวรี กราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า
อะไรที่พึ่งของเหล่าสัตว์
ขอพระองค์ตรัสบอกธรรมเป็นที่พึ่งของชนผู้ชรา มรณะมาถึงรอบข้าง
ดุจเกาะเป็นที่พึ่งของชนผู้อยู่กลางสมุทรเมื่อเกิดคลื่นใหญ่ที่น่ากลัวแก่
ข้าพระองค์ อย่าให้ทุกข์มีได้อีก ?
พระพุทธองค์ทรงวิสัชนาว่า
กัปปะ ! เราจะบอกที่พึ่งของเหล่าสัตว์ ผู้ดำรงอยู่ท่ามกลางสระ ผู้ถูกชรา
และมัจจุราชครอบงำ ในขณะเกิดห้วงน้ำ
อันเป็นมหันตภัยแก่เธอ เราเรียกนิพพาน ซึ่งไม่มีเครื่องกังวล ไม่มีเครื่องยึดมั่นนี้นั้นว่า เป็นที่พึ่งอันไม่มีที่พึ่งอื่นยิ่งกว่า นิพพานเป็นที่สิ้นไปแห่งชรา และมัจจุราช ชนเหล่าใดมีสติ
รู้นิพพานนั้นแล้ว เห็นธรรม ดับกิเลสได้แล้ว ชนเหล่านั้น จึงไม่ไปตามอำนาจมาร
ไม่ไปบำรุงมาร
หมู่
ชนเหล่านั้นควรนำตัณหาเป็นเหตุถือมั่นในส่วนเบื้องบน เบื้องต่ำ
และท่ามกลางออกให้หมดสิ้น เพราะเขาถือมั่นสิ่งใดๆ ในโลก มารย่อมติดตามเขาได้
เพราะสิ่งนั้นๆ เพราะเหตุนั้น ภิกษุรู้อยู่ เห็นหมู่สัตว์ผู้ติดอยู่ในวัฏฏะ
ว่าเกิดอยู่เพราะความถือมั่น พึงมีสติไม่ถือมั่นกังวลในโลกทั้งปวง
(ดังพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า... ภิกษุทั้งหลาย ! สงสารนี้ มีเบื้องต้น และเบื้องปลายรู้ไม่ได้
ที่สุดเบื้องต้น ที่สุดเบื้องปลายไม่ปรากฏ แก่เหล่าสัตว์ ผู้ถูกอวิชชากีดขวาง ถูกตัณหาผูกไว้ วนเวียนท่องเที่ยวไป
เหล่าสัตว์ เสวยทุกข์ เสวยความยากลำบาก เสวยความพินาศ เต็มป่าช้า เป็นเวลายาวนานอย่างนี้แล เพราะเหตุนี้แหละ จึงควรเบื่อหน่าย ควรคลายกำหนัด ควรหลุดพ้นจากสังขารทั้งปวง ที่สุดทั้งเบื้องต้น ทั้งเบื้องปลายแห่งสงสารจึงไม่ปรากฏ แม้อย่างนี้ เหล่าสัตว์ผู้ดำรงอยู่แล้ว คือ ดำรงมั่นแล้ว ติดแล้ว ติดแน่นแล้ว ติดพันแล้ว ติดใจแล้วในสงสาร อันเป็นท่ามกลางสระนั้น)