พระยโสธราเถรี(พระภัททากัจจนาเถรี)
(พระไตรปิฎก
ฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๓๒)
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ เงื้อมภูเขาที่ประเสริฐใกล้กรุงราชคฤห์ ที่น่ารื่นรมย์
ยโสธราภิกษุณีอยู่ในสำนักภิกษุณี ได้รำพึงว่าพระเจ้าสุทโธทนมหาราช พระนางมหาปชาบดีโคตรมี พระมหาเถระผู้มีชื่อเสียง และพระภิกษุณีผู้มีฤทธิ์ ล้วนนิพพานไปแล้ว เหมือนเปลวประทีปที่หมดเชื้อแล้วดับไป
ครั้น
พิจาราณาดูอายุสังขารของตน ซึ่งมีอายุได้ 78 ปี ก็เห็นถึงความจะสิ้นไปในวันนั้นเอง จึงถือบาตร จีวร มีภิกษุณี 100,000 รูป มีฤทธิ์มาก มีปัญญามาก ห้อมล้อมไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในคืนวันนั้น และกราบทูลลาเข้านิพพาน
ข้าแด่พระมหามุนี
เมื่อหม่อมฉันเวียนว่ายตายเกิดในสงสาร หากมีความผิดพลาดในพระองค์ ขอพระองค์โปรดยกโทษให้แก่หม่อมฉันด้วยเถิด
พระยโสธราเถรี
แสดงฤทธิ์มากมายหลายอย่างถวายพระศาสดา และกราบทูลว่า “ข้าแด่พระมหาวีระ ผู้มีจักษุ” หม่อมฉันเป็นผู้มีความชำนาญในฤทธิ์ ในทิพพโสตธาตุ ในเจโตปริยญาณ รู้ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ชำระทิพยจักษุให้หมดจดแล้ว อาสวะทั้งปวงสิ้นไปแล้ว บัดนี้ภพใหม่ไม่มีอีก
อัตถปฏิสัมภิทาญาณ ธัมมปฏิสัมภิทาญาณ
นิรุตติปฏิสัมภิทาญาณ และปฏิภาณปฏิสัมภิทาญาณ
ของหม่อมฉันเกิดขึ้นแล้ว ในสำนักของพระองค์
ความพร้อมเพรียงแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ผู้ทรงเป็นที่พึ่งของสัตว์โลก
พระองค์ทรงแสดงแล้ว อธิการ
(กุศลกรรมอันยิ่งใหญ่ ) เป็นอันมากของหม่อมฉัน เพื่อประโยชน์แก่พระองค์
ข้าแด่พระมหามุนี
! ขอพระองค์พึงหวนระลึกถึง กุศลกรรมเก่าของหม่อมฉันที่สั่งสมบุญไว้ ก็เพื่อประโยชน์แก่พระองค์ แม้ชีวิตก็ยอมสละได้
พระองค์ประทานหม่อมฉัน
เพื่อต้องการให้เป็นภรรยาของผู้อื่นหลายพันโกฎิกัป เพื่ออุดหนุนผู้อื่นหลายพันโกฎิกัป
เพื่อประโยชน์เป็นอาหารหลายพันโกฎิกัป หม่อมฉันไม่เคยเสียใจในเรื่องนั้นเลย หม่อมฉันยอมสละชีวิตหลายพันโกฎิกัป ด้วยคิดว่าจะกระทำความพ้นภัย
หม่อมฉันไม่เคยหวงเครื่องประดับ
มีผ้านานาชนิด ทรัพย์ ข้าวเปลือก บ้าน นิคม ไร่ นา บุตร ธิดา ช้าง ม้า โค ทาสี มากมายนับไม่ถ้วน พระองค์ทรงปรึกษาหม่อมฉันว่า “เราจะให้ทานแก่พวกยาจก” หม่อมฉันก็ไม่เคยเสียใจ
ข้าแด่พระมหาวีระ หม่อมฉันยอมรับทุกข์ ทรมาน มากมายหลายอย่างจนนับไม่ถ้วน ในสงสารเป็นอเนก คราวรับสุขก็อนุโมทนา คราวที่ได้รับทุกข์ก็ไม่เสียใจ เป็นผู้ยินดีแล้วทุกอย่าง อธิการของหม่อมฉันมีมาก เพื่อประโยชน์แก่พระองค์ หม่อมฉันเมื่อแสวงหาพุทธธรรมอยู่ ก็ได้เป็นบาทบริจาริกาของพระองค์
ใน 4 อสงไขย และอีก 100,000
กัป พระมหาวีระพระนามว่า ทีปังกร ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว
ครั้งนั้นพระองค์เป็นพราหมณ์ นามว่า สุเมธะ กำลังตกแต่งหนทางเพื่อพระสุคต
ผู้ทรงเห็นธรรมทั้งปวงกำลังเสด็จมาข้าแด่พระมหาวีระ หม่อมฉันยอมรับทุกข์ ทรมาน มากมายหลายอย่างจนนับไม่ถ้วน ในสงสารเป็นอเนก คราวรับสุขก็อนุโมทนา คราวที่ได้รับทุกข์ก็ไม่เสียใจ เป็นผู้ยินดีแล้วทุกอย่าง อธิการของหม่อมฉันมีมาก เพื่อประโยชน์แก่พระองค์ หม่อมฉันเมื่อแสวงหาพุทธธรรมอยู่ ก็ได้เป็นบาทบริจาริกาของพระองค์
ครั้งนั้น หม่อมฉันเกิดในตระกูลพราหมณ์ มีนามว่า สุมิตตา ถือดอกอุบลไป
8 กำ เพื่อบูชาพระศาสดา ได้เห็นพระองค์ผู้เป็นฤาษีผู้ประเสริฐผู้น่าพอใจ
ผู้มีความเอ็นดู มีพระทัยเบิกบาน หม่อมฉันจึงถวายดอกอุบลแด่พระองค์ 5 กำ อีก 3
กำ เป็นของหม่อมฉัน ได้บูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่า ทีปังกร ให้มีผลเสมอกัน เพื่อประโยชน์แก่พระโพธิญาณของพระองค์
พระมหามุนีพระนามว่า
ทีปังกร ทรงพยากรณ์กรรม คือความเป็นผู้ซื่อตรงของหม่อมฉันว่า
“ท่านฤาษีผู้เป็นใหญ่ อุบาสิกาผู้นี้
เป็นผู้มีจิตเสมอกัน มีการกระทำเสมอกัน
มีปกติทำร่วมกัน จักเป็นที่น่ารัก เพราะการกระทำ เพื่อประโยชน์แก่ท่าน
จักเป็นหญิงมีรูปร่าง
น่าดู น่าชม น่ารักยิ่ง น่าชอบใจ มีวาจาอ่อนหวาน มีฤทธิ์ เป็นธรรมทายาทของท่าน
จักรักษากุศลกรรมทั้งหลาย จะอนุเคราะห์ท่าน จักบำเพ็ญบารมีเพื่อท่าน
ละกิเลสได้ดังพญาราชสีห์ ละกรงแล้ว จักบรรลุพระโพธิญาณ"
ข้าแด่มหาราช อธิการของหม่อมฉันมีมากมาย หม่อมฉันจัดถวายทานแด่พระพุทธเจ้าผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ จำนวน 100,000 โกฏิ 85 องค์
8,500 โกฏิ 30 โกฏิ ถวายทานแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า
88 โกฏิ ถวายทานแด่พระขีณาสพผู้ปราศจากมลทิน ซึ่งเป็นพุทธสาวกนับไม่ถ้วน
และถวายทานแด่พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ผู้ประพฤติพระสัทธรรมทุกเมื่อ
ด้วยประการฉะนี้
บุคคลควรประพฤติธรรมให้สุจริต ไม่ควรประพฤติธรรมให้ทุจริต
เพราะบุคคลผู้ประพฤติธรรม ย่อมเป็นสุขทั้งในโลกนี้
และในโลกหน้า
ข้าพระองค์เบื่อหน่ายสังสารวัฏ จึงออกบวชเป็นบรรพชิต พร้อมด้วยบริวาร
1,000 ครั้งบวชแล้ว ก็หมดกังวล ยังไม่ถึงกึ่งเดือน ก็บรรลุสัจจะ 4
กิเลสทั้งหลายหม่อมฉันก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงหม่อมฉันก็ถอนได้แล้ว หม่อมฉันตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้ว
อยู่อย่างไม่มีอาสวะ ดุจช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้ว อยู่อย่างอิสระ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น