วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

พระอุบลวรรณาเถรี ...พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๒



พระอุบลวรรณาเถรี 
(พระไตรปิฎก ฉบับมหาจุฬาฯ  เล่มที่ ๓๒)

พระอุบลวรรณาภิกษุณี (อดีตชาติ คือ พระกัณหา  ราชธิดาของพระเวสสันดร ในเวสสันดรชาดก) ถึงความสำเร็จแห่งฤทธิ์ กราบลงแทบพระยุคลบาทพระบรมศาสดา แล้วกราบทูลว่า
ข้าแด่พระมหามุนี หม่อมฉันข้ามชาติสงสารได้แล้ว บรรลุธรรมที่ไม่หวั่นไหว  ทุกข์ทั้งปวงหม่อมฉันให้สิ้นไปแล้ว  เมื่อหม่อมฉันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร ถ้าหม่อมฉันมีความผิดพลาด ขอพระองค์ทรงโปรดยกโทษให้แก่หม่อมฉันด้วยเถิด
        หม่อมฉันเป็นธิดาของพระองค์ กรรมที่ทำได้ยาก ทำได้ลำบากจำนวนมาก  หม่อมฉันได้ทำแล้ว พระราหุลเถระ (อดีตชาติคือพระชาลี ราชโอรสของพระเวสสันดร ในเวสสันดรชาดก)  เป็นพระโอรสของพระองค์ และหม่อมฉันเกิดร่วมภพกันมาหลายร้อยชาติ
        ข้าแด่พระมหาวีระ ขอเชิญทอดพระเนตรฤทธิ์ ของหม่อมฉันเถิดพระอุบลวรรณาเถรีเรียกมหาสมุทรทั้ง 4 ไว้บนฝ่ามือ ยกแผ่นดินแล้ววางไว้บนฝ่ามือ ใช้มือปิดครอบจักรวาล แล้วบันดาลให้หยาดฝนสีต่างๆ ตกลงที่ศีรษะ ทำพสุธาให้เป็นครก ทำก้อนกรวดให้เป็นข้าวเปลือก ทำเขาสิเนรุให้เป็นสาก แล้วตำอยู่เหมือนกุมารีซ้อมข้าว
หม่อมฉันมีนามว่าอุบลวรรณา มีความชำนาญในฤทธิ์
ทั้งหลายเป็นผู้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระองค์
         ข้าแด่พระมหามุนี  ขอพระองค์ทรงระลึกถึงกุศลกรรมของหม่อมฉันในปางก่อน หม่อมฉันได้สั่งสมบุญไว้แล้ว  เพื่อประโยชน์แก่พระองค์
           พระองค์ทรงเว้นอนาจาร อบรมพระญาณให้แก่กล้าอยู่ หม่อมฉันได้สละชีวิต เพื่อประโยชน์แก่พระองค์ หม่อมฉันถวายชีวิตหลายหมื่นโกฏิกัป แม้ตัวหม่อมฉัน ก็สละแล้ว  เพื่อประโยชน์แก่พระองค์
ครั้งนั้น บริษัททั้งหมดนั้น ถึงความพิศวงยิ่งนัก จึงพากันประนมมือถามว่า 
 ข้าแด่พระแม่เจ้าผู้มีความบากบั่น พระแม่เจ้าได้ทำบุญอะไรไว้  จึงเป็นผู้มีฤทธิ์หาที่เปรียบมิได้
          ในกัปที่ 100,000  นับจากกัปนี้ไป ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเกิดเป็นนาคกัญญา มีนามว่า วิมลา ผู้ประเสริฐกว่านางนาคกัญญาทั้งปวง
           พญานาคชื่อ มโหรคะ  เลื่อมใสในศาสนาของพระชินเจ้า ทูลนิมนต์พระพุทธเจ้า พระนามว่า ปทุมุตตระ ผู้ทรงมีเดชานุภาพมาก  พร้อมพระสาวกเพื่อถวายข้าวน้ำ ขาทนียะ และโภชนียาหารอย่างดี หม่อมฉันทำจิตให้เลื่อมใส 

ครั้งนั้น พระมหาวีระทรงแสดงภิกษุณีรูปหนึ่งด้วยฤทธิ์ ภิกษุณีรูปนั้นมีความแกล้วกล้าแสดงฤทธิ์ได้หลายอย่าง  หม่อมฉันเกิดปีติปราโมทย์ จึงกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้า ถึงความตั้งความปรารถนาในตำแหน่งนั้น 

            หม่อมฉันใช้ดอกอุบล มีชื่อว่า อรุณ ซึ่งเป็นดอกไม้อันประเสริฐของพวกนาคบูชาพระชินเจ้าผู้นำสัตว์โลก
ด้วยกรรมที่หม่อมฉันทำไว้ดีแล้ว  ด้วยเจตนาที่ตั้งมั่น เมื่อละกายนาคแล้วไป จึงได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ 

ในกัปที่ 91 นับจากกัปนี้ไป พระพุทธเจ้าพระนามว่า วิปัสสี ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก  งดงามน่าทัศนายิ่งนัก ทรงเห็นแจ้งในธรรมทั้งปวง ทรงเสด็จอุบัติแล้ว

หม่อมฉันเป็นธิดาของเศรษฐีในกรุงพาราณสีที่ประเสริฐสุด ได้ทูลนิมนต์พระพุทธเจ้าพร้อมทั้งพระสาวกถวายมหาทาน  และบูชาด้วยดอกอุบลเป็นอันมาก  แล้วปรารถนาให้มีผิวพรรณงาม  เหมือนดอกอุบลเหล่านั้น

       ในภัทรกัปนี้ พระพุทธเจ้าผู้มีพระยศยิ่งใหญ่พระนามว่า กัสสปะ ประเสริฐกว่าเจ้าลัทธิทั้งหลาย  ทรงเสด็จอุบัติแล้ว      
ครั้งนั้นหม่อมฉันเป็นธิดาคนที่ 2 ของพระเจ้ากาสี พระนามว่า กิกี เป็นใหญ่ในกรุงพาราณสี  ทรงเป็นผู้อุปัฏฐากของพระพุทธเจ้าผู้แสวงคุณอันยิ่งใหญ่

        พระชนกนาถมีพระราชกัญญา 7 พระองค์   ได้กลับชาติมาเกิดเป็น 1. หม่อมฉันอุบลวรรณาเถรี  2. พระเขมาเถรี  3. พระปฏาจาราเถรี  4. พระกุณฑลเกสีเถรี  5. พระกีสาโคตมีเถรี  6. พระธรรมทินนาเถรี 7. วิสาขามหาอุบาสิกา

        ด้วยกรรมที่หม่อมฉันทำไว้ดีแล้ว  ด้วยเจตนาที่ตั้งมั่น  เมื่อละกายนาคแล้ว  จึงได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์   แล้วจุติมาเกิดในตระกูลใหญ่ในหมู่มนุษย์ ได้ถวายผ้าอย่างดี   เนื้อเกลี้ยงแก่พระอรหันต์องค์หนึ่ง 


จากนั้นได้ไปเกิดเป็นธิดาพราหมณ์มหาศาล ชื่อติริฏิวัจฉะ ในอริฏฐบุรี ชื่อ อุมมาทันตี  มีสิริโฉมงดงาม  เป็นที่จูงใจให้หลงใหล  

จุติจากภพนั้นแล้วมาเกิดในตระกูลหนึ่ง  ไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์มากนักในชนบท  ได้รักษาข้าวสาลี

ในครั้งนั้น  หม่อมฉันเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า พระองค์หนึ่ง  ได้ถวายข้าวตอก 500 ดอก ห่อด้วยดอกปทุม  ปรารถนามีบุตร 500 คน  แล้วได้ถวายน้ำผึ้งแด่พระสยัมภู 
 
จุติจากอัตภาพนั้นแล้ว ได้เกิดภายในดอกบัวในป่า  ได้เป็นพระมเหสีของพระเจ้ากาสี  ได้ให้กำเนิดราชบุตร 500 องค์  เมื่อราชบุตรเจริญวัย ทรงเล่นน้ำ  ได้เห็นดอกบัวร่วงโรยไป  ได้สำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า

หม่อมฉันมีความเศร้าโศก เพราะการพลัดพรากจากราชบุตรผู้ประเสริฐเหล่านั้น จุติจากอัตภาพนั้นแล้ว  ไปเกิดในหมู่บ้านข้างภูเขาอิสิคิลิ

  หม่อมฉันทราบว่าบุตรเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ได้ถวายข้าวยาคูเพื่อบุตร  และเพื่อตัวเอง  ได้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า 8 พระองค์ เมื่อเข้าสู่บ้านเพื่อภักษาหาร ระลึกถึงบุตรขึ้นมา ธารน้ำนมก็หลั่งไหลออกมา เพราะความรักบุตร

ได้ถวายข้าวยาคู แด่พระปัจเจกพุทธเจ้า ด้วยความเลื่อมใส จุติจากอัตภาพนั้นแล้ว ไปเกิดในสวนนันทวันบนสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์         

        ข้าแด่พระมหาวีระ หม่อมฉันเวียนว่ายตายเกิดในภพน้อยภพใหญ่ ได้เสวยสุข และทุกข์   และได้สละชีวิต  เพื่อประโยชน์แก่พระองค์

   บัดนี้  เป็นภพสุดท้าย  หม่อมฉันเกิดเป็นธิดาของเศรษฐี มีทรัพย์มาก  รุ่งเรืองด้วยรัตนะต่าง ๆ ประกอบด้วยสุข สมปรารถนาทุกอย่าง ในกรุงสาวัตถี  หม่อมฉันละเรือนออกบวชเป็นบรรพชิต   ยังไม่ถึงกึ่งเดือนก็ได้บรรลุสัจจะ 4  พญามารมากล่าวกับหม่อมฉันว่า 

   "ท่านเข้ามายังต้นไม้ชั้นเลิศที่มีดอกแย้มบานดี
แล้ว ยืนอยู่เพียงผู้เดียวที่โคนต้นสาละไม่มีใครเป็นเพื่อน ท่านผู้โง่เขลา ท่านไม่กลัวพวกนักเลงดอกหรือ

หม่อมฉันกล่าวว่า  ถึงพวกนักเลงตั้ง  100,000 คน มาในที่นี้  พึงเป็นเหมือนกับท่านนี้  ก็ทำขนเราให้เอน ให้ไหวไม่ได้  พญามารท่านผู้เดียวจะทำอะไรเราได้ 
 
เรานี้จักหายตัวไปก็ได้  หรือว่าจะเข้าไปในท้องท่านก็ได้  ท่านจะมองไม่เห็นเราที่อยู่ระหว่างคิ้วของท่าน

        เรามีความชำนาญในเรื่องจิต  อิทธิบาท  4  เราก็เจริญดีแล้ว  พ้นจากสรรพกิเลสเครื่องผูกทั้งปวง  พญามาร  เรามิได้เกรงกลัวท่าน

กามทั้งหลายเปรียบด้วยหอก และหลาว  แม้ขันธ์ทั้งหลาย  ก็คล้ายกองไฟ  ท่านกล่าวถึงความยินดีในกาม  บัดนี้  เราไม่มีความยินดีในกาม

        ความยินดีในอารมณ์ทั้งปวง  เรากำจัดได้หมดแล้ว กองแห่งความมืด(โมหะ)  เราก็ทำลายแล้ว  มารผู้มีบาป  ท่านจงรู้อย่างนี้  ท่านก็ถูกเรากำจัดแล้ว

พระชินเจ้าผู้ทรงเป็นผู้นำวิเศษ ทรงพอพระทัยในคุณสมบัตินั้น จึงทรงตั้งอุบลวรรณาภิกษุณีผู้ประเสริฐสุด เป็นเอตทัคคะ  เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลาย ในด้านเป็นผู้มีฤทธิ์

 กิเลสทั้งหลายหม่อมฉันก็เผาได้แล้ว  ภพทั้งปวงหม่อมฉันก็ถอนได้แล้ว หม่อมฉันตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้ว อยู่อย่างไม่มีอาสวะ ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้ว อยู่อย่างอิสระ








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น