วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อสงไขยปี, อันตรกัป, อสงไขยกัป



อสงไขยปี
(จากหนังสือวิมุตติรัตนมาลี ๑ พระพรหมโมลี(วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.๙)

อสงไขยปี เป็นอายุสมัยเริ่มแรกของมนุษย์ 
กำหนดนับเวลาที่เรียกว่า "อสงไขยปี" คือ จำนวนปีที่มีเลข ๑ ขึ้นหน้า แล้วมีเลข ๐ ตามหลัง อีก ๑๔๐ ศูนย์ จำนวนปีเท่าที่ได้นั้น มีชื่อเรียกว่า "อสงไขยปี"

อันตรกัป

อันตรกัป คือการที่มนุษย์สมัยเริ่มแรก ซึ่งมีอายุยืนยาวนานถึงอสงไขยปีแล้วเสื่อมถอยลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ ถึง ๑๐ ปี และกลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถึงอสงไขยปีอีกตามเดิมนี้ มีชื่อเรียกว่า "อันตรกัป"
มนุษย์สมัยเริ่มแรกมีอายุขัยถึงอสงไขยปี ต่อมาอายุของมนุษย์ได้เสื่อมถอยลง ด้วยความประมาท และอำนาจของไตรลักษณ์ ประกอบกับศีลธรรม ก็เสื่อมถอยลงไปเรื่อย ๆ และอายุของมนุษย์ก็ถอยลงอย่างไม่หยุดยั้ง มีกำหนดร้อยปีลดน้อยลงมาหนึ่งปี อายุของมนุษย์จะลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเหลือเพียง ๑๐ ปี
การไม่ปฏิบัติชอบในบิดา มารดา สมณะ พราหมณ์ ไม่อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูล จะได้รับการสรรเสริญจากมนุษย์ ในสมัยนี้ และจะอยู่เจือปนกันเหมือนสัตว์ เช่น ไก่ แพะ แกะ สุกร ไม่มีคำว่า บิดา มารดา ป้า น้า อา ครู อาจารย์ มีจิตอาฆาต พยาบาท มุ่งร้ายกัน คิดฆ่ากันอย่างรุนแรง แม่คิดต่อลูก ลูกคิดต่อแม่ พ่อคิดต่อลูก ลูกคิดต่อพ่อ พี่ชายคิดต่อน้องหญิง พี่หญิงคิดต่อน้องชาย  
  ทางแห่งกุศล คือ กรรมบถ ๑๐ ประการจะหายไป ทางแห่งอกุศลจะรุ่งเรือง และจะมี "สัตถันตรกัป" คือ กัปที่อยู่ระหว่างศัสตรา ๗ วัน คนทั้งหลาย จะมีความสำคัญในกัน และกันว่าเป็นเนื้อ จะฆ่าฟันกันล้มตายเป็นเบือ จนแทบจะหมดโลก แล้วกลับได้สติขึ้นมาพยายามรักษาชีวิตของกันและกันไว้ ละเว้นการฆ่าสัตว์ ตั้งใจบำเพ็ญกุศลกรรม และละอกุศลกรรมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้อายุของมนุษย์ก็เพิ่มขึ้นต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งถึงอสงไขยปีอีกตามเดิม
การที่อายุของมนุษย์ระยะแรกเริ่ม ยืนยาวถึงอสงไขยปี แล้วเสื่อมถอยลดน้อยลงไปถึง ๑๐ ปี แล้วกลับมีอายุเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนไปถึงอสงไขยปีอีกตามเดิม มีชื่อเรียกว่า อันตรกัป

อสงไขยกัป

ภิกษุทั้งหลาย ! อสงไขยกัป 4 ประการ (อสงไขยกัป - มีระยะเวลาในยาวนานเท่ากับ ๖๔ อันตรกัป)
อสงไขยกัป แบ่งออกเป็น ๔ อสงไขยกัป ตามความเป็นไปของโลก ที่เปลี่ยนแปลงไปตามกฎไตรลักษณ์ คือ
1. สังวัฏฏกัป หมายถึง ช่วงระยะเวลาที่โลกเสื่อม โลกพินาศ มี 3 อย่าง
        1.1 เตโชสังวัฏฏกัป หมายถึง กัปที่เสื่อม เพราะไฟ
นับตั้งแต่ชั้นอาภัสสรพรหม (รูปพรหมชั้นที่ 6) ลงมา
        1.2 อาโปสังวัฏฏกัป หมายถึง กัปที่เสื่อม เพราะน้ำ
นับตั้งแต่ชั้นสุภกิณหพรหม (รูปพรหมชั้นที่ 9) ลงมา
        1.3 วาโยสังวัฏฏกัป หมายถึง กัปที่เสื่อม เพราะลม
นับตั้งแต่ชั้นเวหัปผลพรหม (รูปพรหมชั้นที่ 11) ลงมา หรือ
หมายถึงช่วงระยะเวลาที่เปลวไฟดับ จนถึงมหาเมฆพินาศ
2. สังวัฏฏฐายีกัป หมายถึง ช่วงระยะเวลาที่โลก อยู่ถัดจากความเสื่อมไป หรือหมายถึงช่วงระยะเวลาที่ เปลวไฟที่ให้กัปพินาศดับลง จนถึงมีมหาเมฆบริบูรณ์ ใน 100,000 โกฏิจักรวาล
3. วิวัฏฏกัป หมายถึง ช่วงระยะเวลาที่โลกเจริญ หรือหมายถึงช่วงระยะเวลาที่ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์เกิด จนถึงมีมหาเมฆบริบูรณ์
4. วิวัฏฏฐายีกัป หมายถึง ช่วงระยะเวลาที่โลก อยู่ถัดความเจริญไป หรือหมายถึงช่วงระยะเวลาที่ มหาเมฆซึ่งให้กัปพินาศเกิดอีก จนถึงดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์เกิดอีก
(ในคำทั้ง 4 นี้ หมายถึง เตโชสังวัฏฏกัป เท่านั้น)

กำหนดเวลาที่เรียกว่า “อสงไขยกัป” นั้น  เป็นเวลาอันยาวนานมากถึง ๖๔ อันตรกัป
   สังวัฏฏอสงไขยกัป       เป็นเวลานานถึง ๖๔ อันตรกัป
   สังวัฏฏัฏฐายีอสงไขยกัป เป็นเวลานานถึง ๖๔ อันตรกัป
   วิวัฏฏอสงไขยกัป        เป็นเวลานานถึง  ๖๔ อันตรกัป
   วิวัฏฏัฏฐายีอสงไขยกัป  เป็นเวลานานถึง ๖๔ อันตรกัป
                            รวมทั้งสิ้น    ๒๕๖ อันตรกัป





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น