วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อสงไขย, มหากัป



อสงไขย
(จากหนังสือวิมุตติรัตนมาลี ๑ พระพรหมโมลี(วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.๙)

อสงไขยกถา กล่าวถึงกาลเวลาที่เรียกว่า "อสงไขย" คือ กำหนดเวลาที่มากมาย ยาวนานเกิน ที่จะนับจะประมาณได้
คำว่า "อสงไขย" แปลว่า นับไม่ได้เปรียบดังฝนตกใหญ่มโหฬารตลอดคืน ตลอดวัน ติดต่อกัน ๓ ปี จนน้ำสูงเจิ่ง นองท่วมท้น เต็มขอบเขาจักรวาล สูง ๘๔,๐๐๐ โยชน์ หากมีเทวดาผู้วิเศษสามารถนับเม็ดฝน และหยาดน้ำฝน ที่กระจายเป็นฟองฝอยน้อยใหญ่ทั้งหมดได้ จำนวนเท่าใด นั่นแหละคือ อสงไขยหนึ่ง

มหากัป
มหากัปปกถา กล่าวเปรียบเทียบความยาวนานของมหากัป ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก เอาไว้ว่า "ภูเขาสูงใหญ่กว้าง และสูงหนึ่งโยชน์ ทุก ๆ ร้อยปี มีเทวดา ผู้วิเศษ นำผ้าทิพย์เนื้อละเอียดมาเช็ดถูครั้งหนึ่ง จนกระทั่งเขาลูกนั้นสึกเกรียน เหี้ยนสั้นลง จนกระทั่งราบเป็นหน้ากลอง" นั่นแหละ ! จึงนับว่าเป็น หนึ่งมหากัป
และอุปมาดัง "มีกำแพงยักษ์ กว้าง ลึกวัดได้ หนึ่งโยชน์ ทุก ๆ ร้อยปี มีเทวดา ผู้วิเศษ นำเอาเมล็ดพันธุ์ผักกาด มาหยอดใส่กำแพงนั้น เมล็ดหนึ่ง จนกระทั่ง เมล็ดพันธุ์ผักกาด เต็มเสมอขอบกำแพง" จึงกำหนดนับได้ว่า เป็นหนึ่งมหากัป
๑ มหากัป เท่ากับ ๔ อสงไขยกัป
๑ อสงไขยกัป เท่ากับ ๖๔ อันตรกัป
๑ อันตรกัป เท่ากับ ๑ รอบอสงไขยปี
( กัป แปลว่า กาลกำหนด ช่วงระยะเวลาอันยาวนาน ที่กำหนดว่าโลก คือ สากลจักรวาลประลัยครั้งหนึ่ง)


สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงใช้เวลาในการสร้าง บารมี(ระดับธรรมดา) อุปบารมี (ระดับกลาง) และปรมัตถบารมี (ระดับสูง) มาเป็นเวลาอันยาวนานมาก 

พระองค์ปัจจุบันคือสมเด็จพระสมณโคดมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญบารมีมานานถึง ๔ อสงไขย กับ ๑๐๐,๐๐๐ มหากัป






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น