วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2559

การดับภพ



การดับภพ

ภิกษุทั้งหลาย ! ผู้ไม่จงใจ ไม่ดำริ และไม่นึกคิดถึงสิ่งใด สิ่งนั้นไม่เป็นอารัมมณปัจจัย(อารมณ์) เพื่อความตั้งมั่นแห่งวิญญาณ
ความตั้งมั่นแห่งวิญญาณจึงไม่มี ความหยั่งแห่งนามรูปก็ไม่มี ความบังเกิดแห่งภพใหม่ต่อไปจึงไม่มี ชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสะ ก็ดับ
ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสะ มีอุปธิ (ขันธ์ ๕)เป็นเหตุ มีอุปธิเป็นเหตุเกิด มีอุปธิเป็นกำเนิด มีอุปธิเป็นแดนเกิด
อุปธิไม่มี ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสะ ก็ไม่มี

วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2559

เหตุเกิดภูติ และดับภูติ



         เหตุเกิดภูติ และดับภูติ

ภูตนี้ (ขันธ์ ๕) เกิดเพราะอาหาร เมื่อเห็นอย่างนี้ จึงปฏิบัติเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัดเพื่อดับภูต ที่เกิดเพราะอาหารนั้น
กายนี้ไมใช่ของเรา ทั้งไม่ใช่ของผู้อื่น พึงเห็นว่าเป็น กรรมเก่า ถูกปัจจัยปรุงแต่ง สำเร็จด้วยเจตนา เป็นที่ตั้งแห่งเวทนา
สุข ทุกข์ อาศัยผัสสะเกิด ผัสสะเกิด เพราะความจงใจ ทางกาย วาจา และใจ
 ความจงใจเกิดขึ้น เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย

สัมมาทิฎฐิสายกลาง



    สัมมาทิฎฐิสายกลาง

ภิกษุทั้งหลาย ! โลกอาศัยที่สุด ๒ อย่าง คือ ความมี และความไม่มี ตถาคตไม่เข้าใกล้ที่สุดทั้งสองอย่างนี้
ผู้มีปัญญาเห็น ความเกิด ของโลกด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริงความไม่มีในโลก ก็ไม่มี
ผู้มีปัญญาเห็น ความดับ ของโลกด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริงความมีในโลก ก็ไม่มี
โดยมากโลกนี้ยังพัวพันอยู่ด้วยอุบาย และความยึดมั่นอันเป็นเหตุ
ที่ใจเข้าไปยึดมั่นถือมั่น และนอนเนื่องในอัตตาของเรา แต่อริยสาวกไม่เข้าไปยึดมั่นถือมั่น และนอนเนื่องว่า "อัตตาของเรา"
 ไม่เคลือบแคลงสงสัยว่า "ทุกข์นั่นแล เมื่อเกิดขึ้นย่อมเกิดขึ้น ทุกข์เมื่อดับย่อมดับไปตามปฏิจจสมุปบาท"(การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกัน จึงเกิดมีขึ้น)

การกำจัดราคะ



       “การกำจัดราคะ”

ท่านพระอานนท์ได้แสดงธรรม เรื่อง การกำจัดราคะ (ความกำหนัดยินดีในกาม) แก่ท่านพระวังคีสะว่า...
จิตของท่านเร่าร้อน เพราะความสำคัญผิด ท่านจงละนิมิตว่างาม ซึ่งประกอบด้วยราคะ ท่านจงมองสังขารทั้งหลาย
โดยความเป็นของผันแปร โดยความเป็นทุกข์ และอย่าดูโดยความเป็นอัตตา
จงดับราคะแรงกล้า อย่าถูกราคะแผดเผาบ่อยๆ เลย
ท่านจงอบรมจิตให้มีอารมณ์เดียว ให้ตั้งมั่นดี ด้วยการพิจารณาเห็น
ว่าไม่งาม จงอบรมกายคตาสติ จงเป็นผู้เบื่อหน่ายให้มาก จงอบรมความไม่มี
นิมิต (เครื่องหมาย) และจงถอนมานานุสัย(ความถือตัว) จากนั้น ท่านจะเป็น
ผู้สงบเที่ยวไป เพราะละมานะได้

คุณของสติปัญญา




คุณของสติปัญญา

ภิกษุทั้งหลาย ! ความเจริญย่อมมีแก่คนมี "สติ" ทุกเมื่อ
คนมีสติย่อมได้รับความสุข ความดีย่อมมีแก่คนมีสติเป็นนิตย์ แต่คนมีสติยังไม่หลุดพ้นจากเวร
ผู้มีความยินดีในความไม่เบียดเบียนตลอดวัน และตลอดคืน และเป็นผู้มีส่วนแห่งเมตตาในสรรพสัตว์ ผู้นั้นย่อมไม่มีเวรกับใครๆ
บุคคลข้ามโอฆะได้ ด้วยศรัทธา
ข้ามอรรณพได้ ด้วยความไม่ประมาท
ล่วงทุกข์ได้ ด้วยความเพียร
บริสุทธิ์ ด้วยปัญญา

(โอฆะ หมายถึง ห้วงน้ำ คือ สงสาร การเวียนว่ายตายเกิด,   อรรณพ หมายถึง ห้วงน้ำ ทะเล มหาสมุทร)