วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

ปฏิจจสมุปบาท



ปฏิจจสมุปบาท

          พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกับพระอานนท์ว่า  อานนท์ ! ปฏิจจสมุปบาทนี้เป็นธรรมที่ลึกซึ้ง  สุดจะคาดคะเนได้  ก็เพราะไม่รู้ปฏิจจสมุปบาทนี้  หมู่สัตว์จึงยุ่งเหมือนขอดด้ายของช่างหูก  เป็นปมนุ่งนัง  เหมือนกระจุกหญ้ามุ่งกระต่าย และหญ้าปล้อง ไม่ข้ามพ้นอบาย  ทุคติ  วินิบาต และสงสาร

ปฏิจจสมุปบาท  เป็นกฎแห่งความเป็นเหตุผลของกัน และกัน
เพราะ นามรูป     เป็นปัจจัย วิญญาณ จึงมี
เพราะ วิญญาณ   เป็นปัจจัย นามรูป จึงมี
เพราะ นามรูป     เป็นปัจจัย ผัสสะ จึงมี
เพราะ ผัสสะ       เป็นปัจจัย เวทนา จึงมี
เพราะ เวทนา      เป็นปัจจัย ตัณหา จึงมี
เพราะ ตัณหา      เป็นปัจจัย อุปาทาน จึงมี
เพราะ อุปาทาน  เป็นปัจจัย ภพ จึงมี
เพราะ ภพ     เป็นปัจจัย ชาติ จึงมี
เพราะ ชาติ เป็นปัจจัย ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะโทมนัส อุปายาสะ จึงมี

** ความเกิดแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ มีได้ ด้วยประการฉะนี้ **

อานนท์ ! เหตุ ต้นเหตุ เหตุเกิด และปัจจัยแห่งตัณหาคือ เวทนา ด้วยเหตุนี้แล 
เพราะอาศัยเวทนา   ตัณหา จึงมี
เพราะอาศัยเวทนา   ปริเยสนะ(การแสวงหา) จึงมี
เพราะอาศัยปริเยสนะ  ลาภะ(การได้) จึงมี
เพราะอาศัยลาภะ  วินิจฉยะ(การกำหนด) จึงมี
เพราะอาศัยวินิจฉยะ  ฉันทราคะ(ความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจ)จึงมี
เพราะอาศัยฉันทราคะ   อัชโฌสานะ (ความหมกมุ่นฝังใจ) จึงมี
เพราะอาศัยอัชโฌสานะ ปริคคหะ(การยึดถือครอบครอง) จึงมี
เพราะอาศัยปริคคหะ มัจฉริยะ(ความตระหนี่)จึงมี
เพราะอาศัยมัจฉริยะ อารักขะ(ความหวงกั้น)จึงมี
เพราะอาศัยอารักขะ  บาปอกุศล เป็นอเนกย่อมเกิดขึ้น จากการ ถือท่อนไม้ การถือศัสตรา การทะเลาะ การแก่งแย่ง การวิวาท การพูดขึ้นเสียงว่า มึง มึง การพูดส่อเสียด การพูดเท็จ จึงมี










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น