วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

พระภัททกาปิลานีเถรี..พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๒


พระภัททกาปิลานีเถรี

(พระไตรปิฎก ฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๓๒)


พระชินเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ผู้ทรงสำเร็จแห่งธรรมทั้งปวงทรงเป็นผู้นำ เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว ในกัปที่ 100,000 นับจากกัปนี้ไป 
ครั้งนั้น  หม่อมฉันเป็นภรรยาเศรษฐี ชื่อว่า วิเทหะ มีรัตนะ มากในกรุงหงสวดี บางคราวเศรษฐีนั้น พร้อมด้วยชนที่เป็นบริวาร เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าผู้เป็นดังสุริยเทพบุตร ได้ฟังพระธรรมความสิ้นทุกข์ทั้งปวงของพระพุทธเจ้า
พระองค์ทรงสรรเสริญภิกษุรูปหนึ่ง เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ผู้ถือธุดงค์  เศรษฐีและหม่อมฉันได้ฟังพระดำรัสนั้นแล้ว ได้ถวายทานแด่พระพุทธเจ้าผู้คงที่ ตลอด 7 วัน แล้วซบศีรษะลงแทบพระบาท แล้วตั้งความปรารถนาในตำแหน่งนั้น 
พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐแห่งนระ ได้ตรัสเพื่ออนุเคราะห์เศรษฐีว่าในกัปที่ 100,000 นับจากกัปนี้ไป พระพุทธเจ้าพระนามว่า โคดม ตามโคตร จักอุบัติขึ้นในโลก เธอจักมีนามว่า กัสสปะ ตามโคตร  จักได้ตำแหน่งตามที่ปรารถนา เศรษฐีและหม่อมฉันมีใจยินดีได้บำรุงพระพุทธเจ้า และพระสงฆ์สาวกตลอดชีวิต
       เมื่อพระพุทธเจ้าทรงปรินิพพานไปแล้ว เศรษฐี และหม่อมฉันพร้อมญาติมิตร ร่วมกันสร้างพระสถูปรัตนะสูง 7 โยชน์ ใช้น้ำมันหอมจุดประทีปบูชา
การทำบุญเหล่านั้น หม่อมฉันและเศรษฐี ได้ไปเกิดในสุคติภพ เวียนว่ายตายเกิดร่วมกัน ปานประหนึ่งว่าเป็นเงาติดตามตัว 
ในกัปที่ 91 นับจากกัปนี้ไป พระชินเจ้าพระนามว่า วิปัสสี ผู้ทรงสำเร็จแห่งธรรมทั้งปวง ทรงเป็นผู้นำ เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว 
เศรษฐีได้เกิดเป็นพราหมณ์ ในกรุงพันธุมดี เป็นผู้มั่งคั่งด้วยคุณธรรม หม่อมฉันเป็นพราหมณีของพราหมณ์นั้น แต่เป็นคนจนแสนจนด้วยทรัพย์
ครั้งหนึ่ง พราหมณ์นั้นได้เข้าเฝ้าพระมหามุนี ทรงแสดงอมตธรรมแก่หมู่ชน แล้วเบิกบานใจ  ได้ถวายผ้าสาฏกผืนหนึ่ง  มีผ้านุ่งผืนเดียวกลับเรือนแล้ว บอกหม่อมฉันให้อนุโมทนา หม่อมฉันมีความเอิบอิ่มใจ ประนมมืออนุโมทนา
พราหมณ์มีความสุข ได้เวียนว่ายตายเกิดเป็นพระเจ้าแผ่นดินกรุงพาราณสี หม่อมฉันเป็นพระมเหสี  ได้ถวายบิณฑบาตที่มีราคามาก  แด่พระปัจเจกพุทธเจ้า และถวายทานในพระราชนิเวศน์  แด่พระปัจเจกพุทธเจ้า
หม่อมฉันได้กลับมาเกิดในกรุงพาราณสี  ได้ปรนนิบัติสามีอย่างดี วันหนึ่งน้องชายของสามีหม่อมฉัน นำอาหารของพี่ชาย ถวายพระปัจเจกพุทธเจ้า
หม่อมฉันจึงยกอาหารที่ตนเตรียม นำถวายพระปัจเจกพุทธเจ้าแก่สามี  สามีของหม่อมฉันได้นำอาหารนั้น  ถวายแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าอีก  หม่อมฉันโกรธ จึงเทอาหารที่ถวายพระปัจเจกพุทธเจ้านั้นทิ้งเสีย  แล้วถวายบาตรที่เต็มไปด้วยเปือกตม  แก่พระปัจเจกพุทธเจ้าผู้คงที่นั้น 
หม่อมฉันเห็นใบหน้าพระปัจเจกพุทธเจ้า ผู้มีจิตสงบทั้งในการให้  การรับ การเคารพ และการประทุษร้าย แล้วรู้สึกสลดใจมาก
จึงรับบาตรพระปัจเจกพุทธเจ้านั้นมาแล้ว ใช้น้ำหอมอย่างดี ล้างบาตรจนสะอาด บรรจุน้ำตาลกรวด และเปรียงจนเต็มบาตรแล้วถวายคืน หม่อมฉันเกิดในภพใดๆ มีรูปงาม เพราะถวายทาน แต่มีกลิ่นตัวเหม็น เพราะการย่ำยี  กระทำไม่สมควรแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า
ครั้งนั้น สามีของหม่อมฉันสร้างพระเจดีย์ของพระธีรเจ้า พระนามว่า กัสสปะ เสร็จแล้ว  หม่อมฉันมีความยินดี  ได้ถวายอิฐทองคำอย่างดีอีก และใช้ของหอม 4 ชนิด ชุบแผ่นอิฐนั้น จึงพ้นจากกลิ่นตัวเหม็น
      ภพชาติต่อมาสามีและหม่อมฉันได้บำรุงพระปัจเจกพุทธเจ้า 500 องค์ ได้สร้างเจดีย์หลายองค์ พากันออกบวช เจริญอัปปมัญญาแล้วเกิดในพรหมโลก
บัดนี้ เป็นภพสุดท้าย จุติจากพรหมโลกแล้ว  สามีของหม่อมฉันเกิดเป็นพราหมณ์ ชื่อ ปิปผลายนะ หม่อมฉันเป็นธิดาของกบิลพราหมณ์
พราหมณ์ปิปผลายนะ ไปตรวจดูงานเห็นสัตว์ทั้งหลายที่ถูกกาเป็นต้นจิกกิน  เกิดความสลดใจ ครั้งนั้น  หม่อมฉันเห็นเมล็ดงา ที่นำออกผึ่งแดด เห็นกาจิกกินหนอนอยู่  ได้เกิดความสลดใจ
พราหมณ์ปิปผลายนะผู้เป็นปราชญ์ออกบวช  หม่อมฉันก็ออกบวชตาม อยู่บำเพ็ญศีลพรตของปริพาชก 5 ปี เมื่อพระนางโคตรมี ผู้บำรุงเลี้ยงพระชินเจ้าทรงผนวชแล้ว  หม่อมฉันได้เข้าไปหาพระนาง  และเป็นผู้ที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนแล้ว
โดยกาลไม่นานนัก หม่อมฉันก็ได้บรรลุอรหัตตผล  "โอ ! เรามีพระมหากัสสปเถระผู้มีสิริ เป็นกัลยาณมิตร เป็นทายาทของพระพุทธเจ้า ท่านถึงความสิ้นชาติ เป็นมุนี อยู่จบอภิญญา ด้วยวิชชา 3"
       ภัททกาปิลานี  ก็เหมือนกัน ได้วิชชา 3  ละมัจจุราชเสียแล้ว ชนะมารพร้อมทั้งเสนามารแล้ว
กิเลสทั้งหลายหม่อมฉันก็เผาได้แล้ว ภพ ทั้งปวงหม่อมฉันก็ถอนได้แล้ว หม่อมฉันตัดกิเลส เครื่องผูกพันได้แล้ว อยู่อย่างไม่มีอาสวะดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้ว อยู่อย่างอิสระ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น